Wednesday 28 November 2012

อย. เตือน! ใช้ยาพาราเซตามอลพร่ำเพรื่อ เสี่ยงเป็นพิษต่อตับ




 อย. ห่วงคนไทยใช้ยาพาราเซตามอลพร่ำาเพรื่อ บังคับแสดงข้อความคำเตือนบนฉลาก พร้อมแนะวิธีใช้ยาอย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยจากการใช้ยา (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)

          อย. ห่วงคนไทยใช้ยาพาราเซตามอลพร่ำเพรื่อ ชี้ หากใช้เกินขนาดเป็นพิษต่อตับไตได้ พร้อมแนะวิธีการใช้ยาพาราเซตามอลอย่างปลอดภัย

          เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากข้อมูลการใช้ยาพาราเซตามอลของคนไทยพบว่า ส่วน ใหญ่มักใช้ยาพาราเซตามอลเกินกว่าปริมณที่กําหนด เนื่องจากมองว่าเป็นยาพื้นฐาน มีความปลอดภัย และเข้าใจว่าสามารถรักษาได้ทุกอาการปวด ซึ่งในความเป็นจริง ยาพาราเซตามอล มีฤทธิ์แก้ปวดลดไข้เท่านั้น และไม่ควรใช้ติดต่อกันนาน ๆ เพราะอาจจะนําไปสู่การเกิดพิษต่อตับ จนนําไปสู่ภาวะตับวาย และเสียชีวิตในที่สุด 

          ในเรื่องนี้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคในการใช้ยาพาราเซตามอล จึงได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาที่ต้องแจ้งคําเตือนการใช้ยาไว้ ในฉลากและเอกสารกำกับยา โดยกาหนดให้ผลิตภัณฑ์ยาที่มีส่วนประกอบของพาราเซตามอล ทั้งที่เป็นยาสามัญ และยาสามัญประจำบ้าน ต้องมีข้อความคำเตือนบนฉลาก ได้แก่

           1. ถ้าใช้ยานี้เกินขนาดที่ระบุไว้บนฉลาก หรือเอกสารกำกับยา จะทำให้เป็นพิษต่อตับได้ และไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 5 วัน

           2. ผู้ที่เป็นโรคตับ โรคไต ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้


พาราเซตามอล


          ทั้งนี้ ยาพาราเซตามอลที่เป็นยาสามัญประจำบ้าน สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป อย. จึงมีมาตรการกำหนดให้ฉลากยาระบุวิธีใช้อย่างเคร่งครัด คือ รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด ไม่เกินวันละ 4 ครั้ง และต้องมีขนาดบรรจุเป็นแผงละ 4 และ 10 เม็ดเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคใช้ยาเกินขนาดที่ระบุไว้ข้างต้น

          นอกจากนี้  เลขาธิการ อย.กล่าวในตอนท้ายว่า อย่างไรก็ตาม จากการที่องค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) ออกประกาศให้บริษัทยาที่ผลิตยาแก้ปวดสูตรที่มีส่วนผสมของพาราเซตามอลเป็น ส่วนประกอบ ในกลุ่มยาแก้ปวดที่ใช้ระงับความเจ็บปวดที่รุนแรงถึงรุนแรงมากที่สุด ซึ่งเป็นยาที่ใช้กับคนไข้ในโรงพยาบาล หรือคลินิก ปรับลดปริมาณยาพาราเซตามอลลงจากเดิม จากขนาดยา 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด เป็น 325 มิลลิกรัมต่อเม็ด รวมทั้งกำหนดให้ระบุข้อความบนฉลากยาถึงผลข้างเคียงว่า "ยามีผลทำให้เกิดพิษต่อตับอย่างรุนแรงได้" นั้น เป็นการลดความเสี่ยงของผู้บริโภคในการที่จะได้รับปริมาณยาพาราเซตามอลเกิน ขนาด และลดความเสี่ยงที่จะเกิดพิษต่อตับลง

          ทั้ง นี้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา ขอให้ผู้บริโภคใช้ยาอย่างระมัดระวัง ควรอ่านฉลากและเอกสารกำกับยาอย่างถ้วนถี่ และปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด ไม่ควรรับประทานยาเกินกว่าปริมาณที่ระบุไว้ โดยเฉพาะยาพาราเซตามอลไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (เม็ดละ 500 มิลลิกรัม) และ หากมีความผิดปกติ หรือมีอาการข้างเคียงจากการใช้ยา อาทิ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร บวมบริเวณท้อง กดเจ็บบริเวณตับ ขอให้พบแพทย์โดยด่วน ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา

No comments: